1.คุณมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมส์ อ่านหนังสือ กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง คนเดียว
คุณก็รู้สึกสุขใจ ไม่เป็นปัญหา
ไม่รู้สึกเหงาหรือขาดหาย
แต่กลับรู้สึกเหมือนได้พักผ่อน และชาร์จพลัง
แม้ว่าจะมีงานพบปะสังสรรค์มากมายให้คุณเลือกไป
แต่คุณกลับเลือกที่จะเอ็นจอยเวลาส่วนตัวอยู่กับตัวเองมากกว่าไปงานพวกนั้น
2.คุณคิดอะไรได้ดีเมื่ออยู่คนเดียว
คุณไม่ได้ต่อต้านการเสนอไอเดียหรือการถกปัญหากันในกลุ่ม
แต่เมื่อคุณอยู่คนเดียวคุณมักจะสามารถกลั่นกรองความคิดออกมาได้มีประสิทธิภาพ
และเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมาได้ดีกว่าเวลาที่ต้องร่วมกันคิดกับคนอื่นๆ
3.คุณจะเป็นผู้นำที่ดีได้ต่อเมื่อผู้ตามหรือลูกทีมพร้อมที่จะนำตัวเองในระดับหนึ่ง
คุณสามารถดึงศักยภาพของคนออกมาได้ดี
ถ้าผู้ร่วมงานหรือลูกทีมรู้หน้าที่ตัวเองแล้วในระดับหนึ่ง
แต่คุณไม่ใช่คนที่จะคอยจี้หรือกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานหรือลูกทีมทำสิ่งต่างๆ จากศูนย์
เพราะการทำแบบนั้นต้องใช้แรงมากในการออกคำสั่ง
ทั้งต้องคอยพูด และ เคี่ยวเข็น นั่นไม่ใช่งานถนัดของคุณเลย
ปล่อยจุดนั้นให้เป็นหน้าที่ของ คนที่ชอบเข้าสังคมเค้าทำให้เถอะ
เพราะเค้ามีพลังในการกระตุ้นคนมากกว่าคุณ
ซึ่งถ้าคุณมีคู่หูในการทำงานซึ่งเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมนั้น
จะทำให้งานเดินหน้าได้อย่างลงตัวดีเลยล่ะ
4.คุณจะเป็นคนท้ายๆ ที่เสนอตัวเพื่อทำอะไรซักอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ยกมือเวลาตอบคำถามในห้องเรียน
จนถึงการออกไอเดียในที่ประชุม แม้ว่าคุณจะรู้คำตอบหรือมีไอเดียที่เข้าท่า
แต่คุณเลือกที่จะให้คนอื่นเป็นจุดสนใจไปก่อน
ยกเว้นต่อเมื่อคำตอบนั้นไม่ถูกต้องหรือไอเดียไม่ถูกใจ
คุณจึงจะเสนอความคิดเห็นของคุณเมื่อยามจำเป็น
5.คนมักจะถามถึงความคิดเห็นของคุณ
ถ้าคุณสังเกตุว่าคนชอบถามว่าคุณมีความเห็นอย่างไรในเรื่องต่างๆ
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่ค่อยพูดจนเขาต้องถาม
หรือเพราะว่าคนคิดว่าคุณนั้นช่างสังเกตุหรือต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ
เลยอยากให้คุณแชร์ความเห็นออกมา
ถ้าคนต้องถามความเห็นของคุณก่อนที่คุณจะมีโอกาสได้พูดอะไรออกมา
ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณนั้นเข้าข่ายเป็น คนโลกส่วนตัวสูง..
6.คุณใส่หูฟังซะส่วนมากเวลาที่ต้องอยู่ในสังคมหรือสถานที่ที่มีผู้คน
ไม่ว่าจะขึ้น BTS ขึ้น Uber เดินไปทำงาน นั่งทำงาน
ออกกำลังกาย คุณก็มักจะใส่หูฟังเสมอ ใช่..
คุณอาจจะชอบฟังเพลงก็จริง
แต่ยอมรับมาเถอะว่าคุณกำลังเลี่ยงการที่ต้องคุยกับผู้คนอยู่
7.คุณพยายามหลีกเลี่ยงผู้คนที่โกรธและเกรี้ยวกราดอยู่
คุณจะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนที่อารมณ์ไม่ดีถึงขั้นโมโหอยู่
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะระเบิดอารมณ์ใส่คุณหรือคนอื่นหรือข้าวของอยู่
เพราะคุณไม่เก่งเอาซะเลยกับการรองรับอารมณ์รุนแรงแบบนั้น
เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกหมดแรง ห่อเหี่ยว และอึดอัด
8.คุณได้รับอีเมล ข้อความ และสายโทรเข้า มากกว่าที่คุณส่งหรือโทรไป
คุณพยายามหลีกเลี่ยงการคุยกับผู้คน แม้ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ก็ตาม
แต่ถ้าจำเป็นคุณก็เลือกที่จะใช้วิธีการส่งข้อความแทน
และส่วนใหญ่คุณจะเป็นผู้ได้รับข้อความมากกว่าเป็นผู้ส่ง
เพราะคุณอ่านมันและไม่ค่อยตอบยกเว้นเมื่อจำเป็น
9.คุณไม่ชอบบทสนทนาผิวเผินกับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่สนิท
คุณจะไม่ชอบบทสนทนาที่เรียกว่า small talk หรือบทสนทนาตามมารยาทสังคม
ที่คุณจะต้องโต้ตอบกับคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นอย่างดี
เช่นพนักงานร้านสะดวกซื้อสาขาประจำของคุณ
พนักงานขายของ บุคคลที่เจอตามงานพบปะสังสรรค์
แต่คุณจะชอบคุยกับคนที่คุณสนิทใจด้วยแล้วเท่านั้น
และกับคนสนิทของคุณแล้ว คุณมีอะไรให้พูดเยอะเลยล่ะ
ถ้ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง..
ก็ไม่ต้องรู้สึกแปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมคุณถึงมีลักษณะนิสัยในแบบที่ว่ามา
การเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ได้แปลว่าคุณมีอะไรผิดปกติ
หรือแปลกแยกจากสังคม แต่คุณคือ
“คนที่เก็บรายละเอียดทุกอย่างรอบตัว และโลกส่วนตัวมีประสิทธิภาพสูง” ต่างหากล่ะ