อย่างที่เราทราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ของเราท่านทรงเป็นต้นแบบเป็นแบบอย่างให้เราชาวไทยในทุกๆด้าน เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตทั้งด้านสุขภาพ อาหารการกิน การฝึกสมาธิ และการออกกำลังกาย วันนี้ Gang Beauty ขอรวบรวมเรื่องราวส่วนหนึ่งของการดูแลพระวรกายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นแนวทาง ให้ประชาชนชาวไทยได้น้อมนำไปปฎิบัติตามรอยพระองค์เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพร่างกายแข็งแรงกันถ้วนหน้า
1.เสวยข้าวกล้องเป็นพระกระยาหารหลัก
ด้วยคุณค่าทางอาหารสูง เป็นศูนย์รวมของวิตามินต่างๆ มีโปรตีนเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอของร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โปรดเสวยข้าวกล้องเป็นพระกระยาหารหลักเช่นกัน อาหารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดคืออาหารไทย ระกระยาหารจานโปรดคือ ไข่จะละเม็ด ปลาทู รวมถึงผัดผัก
2.โปรดผักทุกชนิด
ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ห้องเครื่องพระกระยาหารไทย วังสวนจิตรลดา ได้เคยกล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งในหนังสือ “เครื่องต้น ก้นครัว”ว่า “พระองค์โปรดผัดผักหรือถั่วงอกโดยไม่ต้องใส่อย่างอื่นเลย นอกจากน้ำมันที่ใช้ผัดเท่านั้น เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง ก็ต้องเป็นแบบตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อนจนควันขึ้น แล้วจึงใส่ผักบุ้งพร้อมกระเทียมลงไป ไม่โปรดผสมเต้าเจี้ยวหรืออย่างอื่นเลย”
3.เสวยเครื่องดื่มชา กาแฟ แต่น้อยๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์โปรดเครื่องดื่มโอวัลตินมากกว่าชาหรือกาแฟ เคยเสวยวันหนึ่งๆ หลายครั้ง น้ำชา กาแฟ ไม่มากนัก
4.ทรงออกกำลังพระวรกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตลอดมา จากความตอนหนึ่งในพระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สัมมนาเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2523 พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการออกกำลังกายว่า “ร่างกายของเรานั้น ธรรมชาติสร้างมาสำหรับให้ออกแรงใช้งาน มิใช่ให้อยู่เฉยๆ ถ้าใช้แรงให้พอเหมาะพอดีโดยสม่ำเสมอ ร่างกายก็จะเจริญแข็งแรง คล่องแคล่ว ดังนั้นผู้ที่ปรกติทำการงานโดยไม่ได้ใช้กำลัง หรือใช้กำลังแต่น้อย จึงจำเป็นต้องหาเวลาออกกำลังกายให้พอเพียงกับความต้องการตามธรรมชาติเสมอ ทุกวัน”
5.ออกกำลังพระวรกายอย่างพอดี ไม่น้อยไป ไม่มากไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการออกกำลังกายตอนหนึ่งว่า “การออกกำลังกายนั้น ถ้าทำน้อยไป ร่างกายและจิตใจก็จะเฉา ถ้าทำมากเกินไป ร่างกายและจิตใจก็ช้ำ”
6.ทรงจดบันทึกพระชีพจรทุกครั้งก่อนและหลังทรงออกกำลังพระวรกายเสมอ
พระองค์ได้ทรงปฏิบัติอย่างถูกหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาทุกขั้นตอน เช่น มีการจดบันทึกพระชีพจรและความดันพระโลหิตทั้งก่อนและหลัง ทั้งยังทรงออกกำลังพระวรกายอย่างสม่ำเสมอ และทรงศึกษาเพิ่มเติมว่าควรจะเริ่มต้นออกกำลังพระวรกายอย่างไร โดยทรงปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตรมาตลอด
7.ทรงโปรดการบริหารพระวรกายด้วยการวิ่ง
จากเรื่องราวในหนังสือ “สองธรรมราชา”โดย อัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ มีเรื่องราวตอนหนึ่งเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมัยก่อนที่พระองค์จะโปรดการบริหารพระวรกายด้วยการวิ่ง โดยพระองค์จะทรงวิ่งครั้งหนึ่งเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ถ้าเป็นที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานก็จะทรงวิ่งในศาลาดุสิดาลัย
8.เมื่อครั้งประชวรไข้ พ.ศ. 2525 ทรงฟื้นฟูพระวรกายจนกลับมาแข็งแรง
ดร. วินิจ วินิจนัยภาค รองเลขาธิการสำนักพระราชวังฝ่ายที่ประทับเล่าว่า “เมื่อปี 2525 พระองค์ทรงพระประชวรไข้ มีพระอาการแทรกซ้อนทางพระหทัย เมื่อพระอาการทุเลา ในช่วงเวลาพักฟื้นนั้น คณะกรรมการแพทย์ได้ถวายคำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังพระวรกายด้วยการทรงพระดำเนินเร็วหรือวิ่ง ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงกับการทำงานของพระหทัย พระองค์ได้ทรงปฏิบัติสืบเนื่องอย่างสม่ำเสมอ คือการออกกำลังกายแบบอากาศนิยม หรือที่เรียกว่าแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) คือการออกกำลังกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ ของลำตัว แขน ขา ให้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะต่อเนื่อง เพื่อให้มีการหดตัวและคลายตัวสลับกัน อันจะช่วยเพิ่มการสูบฉีดพระโลหิตมายังกล้ามเนื้อเหล่านี้ โดยในช่วงพักฟื้นพระองค์ทรงพระดำเนินเป็นระยะทางประมาณ 2,500 เมตร เวลาประมาณ 20-22 นาทีเศษๆ หรือถ้าจะทรงจักรยานก็ใช้เวลาในการวิ่ง 12-14 กิโลเมตร ระยะเวลา 24-25 นาทีเศษๆ โดยมีความเร็วสูงสุด 42 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระยะเร่ง ตลอดระยะ 7 ปีเศษของการติดตามการออกกำลังพระวรกายจะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของพระชีพจรและความดันพระโลหิตมีความสัมพันธ์กับปริมาณการออกกำลังแต่ละครั้ง เป็นแบบฉบับที่สามารถยึดถือเป็นตำรา?” คำบอกเล่าดังกล่าว เป็นการชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงออกกำลังพระวรกายตามหลักได้อย่างถูกต้องและได้ผลดี พระองค์ใช้ตัวเองเป็นสื่อการสอนโดยตรงด้วยการลงมือปฏิบัติให้เห็นจริงจังอีกด้วย
9.ทรงฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ
แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จะทรงงานหนักอย่างต่อเนื่องมาตลอด แต่ทุกครั้งที่ปวงชนชาวไทยได้เห็นพระองค์ทรงงานผ่านสื่อต่างๆ ก็จะคุ้นเคยกับภาพที่พระองค์ทรงกระฉับกระเฉงเมื่อต้องเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่างๆ ทั่วแคว้นแดนไทย พระองค์ไม่มีอาการง่วงหรือเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะทรงฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก https://today.line.me/TH/pc