ข้อดีของความ “ไม่เพอร์เฟ็ค” ถึงจะเป็นคน ไม่สมบูรณ์แบบ ก็มีเสน่ห์ได้
หลายคนคาดหวังกับตัวเองเอาไว้สูง ว่าเราจะต้องเพอร์เฟ็ค เราจะต้องสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน เราจะต้องดีที่สุด เก่งที่สุด ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปเสียทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริงนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้แต่กับคนที่เรามองว่า ภายนอกของเขาดูดีสมบูรณ์แบบไปเสียหมด แต่ที่จริงแล้ว เขาก็อาจจะมีข้อเสีย ข้อบกพร่อง หรือมีความ ไม่สมบูรณ์แบบ ซุกซ่อนอยู่ด้วยกันทั้งนั้น
คนทุกคน ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง และบางครั้ง ความไม่สมบูรณ์แบบนั้นก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน
มาดูกรณีตัวอย่างกัน แล้วลองตอบคำถามในใจตัวเองดูนะคะ
กรณีตัวอย่างที่ 1
หากเราได้รับเชิญให้ไปร่วมงานงานหนึ่ง ซึ่งงานนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เข้าร่วม แต่งานนี้เป็นสังคมที่เราไม่คุ้นเคย เราจะทำอย่างไรระหว่าง ตอบตกลงไปเข้าร่วมเพื่อหาประสบการณ์ โดยไม่กลัวที่จะขายหน้า หรือ ตัดสินใจไม่ไป เพราะถึงจะไปก็ไม่ใช่สังคมแบบเดียวกับตัวเราอยู่ดี
กรณีตัวอย่างที่ 2
หากเราถูกเสนอตัวให้เข้าร่วมการแข่งขันที่มีโอกาสชนะน้อย มีเวลาเตรียมตัวน้อยเกินไป เราจะตัดสินใจเลือกทางไหน ระหว่างกังวลว่าจะทำได้ไม่ดี จึงตัดสินใจไม่ไป หรือ ตัดสินใจที่จะไปหาประสบการณ์ โดยไม่กลัวว่าจะขายหน้า
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเลือกตัวเลือกไหน ก็ไม่มีผิดทั้งนั้น
หากเราเลือกที่จะไม่ไปเข้าร่วมงาน เพราะเรารู้สึกไม่ชอบสังคมภายในงานนั้น เรารู้สึกว่า เราไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในสังคมแบบที่เราไม่ชอบ แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าโอกาสที่จะชนะการแข่งขันมีน้อย เราก็สามารถเก็บแรง และพลังงานในการทุ่มเทกับงานนี้ เพื่อไปทำสิ่งอื่นที่สำคัญสำหรับตัวเราจริงๆ ได้
ในขณะเดียวกัน หากเราเลือกที่จะไปเข้าร่วมงาน ก็ถือเป็นการใช้ “โอกาส” ที่เราได้รับ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ถือเป็นการไปหาประสบการณ์ อาจจะต้องเผชิญกับสิ่งผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือความผิดหวังบ้าง แต่ประสบการณ์ในครั้งนี้ก็จะช่วยให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างที่เราไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
ไม่ต้องเสียใจ หากเราจะทำอะไรขายหน้าไปบ้าง
บอกกับตัวเองว่า ขอเพียงพยายามทำอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว หากเราเปลี่ยนความคิดที่มองว่าจะต้อง “เซ่อซ่า” และ “ขายหน้า” เป็น “การหาประสบการณ์” เราจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาอีกมากมายเลยค่ะ
การปล่อยตัวเราเองให้ “เซ่อซ่า” บ้าง ปล่อยไก่บ้าง ทำอะไรโก๊ะๆ ออกไปบ้าง ก็มีผลในการสร้างอารมณ์ขัน ลดช่องว่างระหว่างกันในการคบหา สลายกำแพงระหว่างความสัมพันธ์ ค้นพบจุดร่วมว่า “ที่จริง เธอก็ไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับฉันนั่นแหละ” ช่วยให้เราและอีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายจิตใจระหว่างกันและกัน
คุณอู๋ยรั่วฉวน ยกตัวอย่างว่า เขามีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็สามารถเข้ากับคนอื่นได้ทุกที่ ไม่เพียงแค่กับทีมงานผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ของเขา แม้แต่ตอนที่เขาได้รับเชิญมาออกอากาศในรายการวิทยุของคุณอู๋ยรั่วฉวน ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ชั่วโทงเดียว เขาก็กลายเป็นที่รักของทุกคน ตั้งแต่โอเปอเรเตอร์ไปจนถึงผู้ช่วยรายการ จนคุณอู๋ยรั่วฉวนต้องฉวยโอกาสตอนช่วงที่ประชุม สอบถามจากทุกคนว่า เพราะอะไรคนคนนี้จึงเป็นที่รักของทุกคนได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
แล้วก็พบคำตอบว่า แม้คนคนนี้จะแต่งตัวธรรมดา หน้าตาธรรมดา แต่เขาก็พุดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง บางครั้งยังพูดผิดด้วย จึงทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเขาไม่มีพิษมีภัย จริงใจ ไม่ต้องรู้สุึกระแวงหรือระวังอะไรมากนัก
แสวงหาความสมบูรณ์แบบ แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น
สุดท้ายนี้เราไม่ได้อยากให้ทุกคนเลิกตามหา “ความสมบูรณ์แบบ” เพราะหากเราสามารถที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเราเอง แต่ระหว่างที่เราแสวงหาความสมบูรณ์แบบนั้น เราก็อย่ายึดมั่นถือมั่นกับความสมบูรณ์แบบนั้นจนเกินไป และไม่ต้องเสียใจ หากเราจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั่น ล้วนแล้วแต่เป็น “สิ่งธรรมดา” ที่สามารถเกิดขึ้นได้
เมื่อเราหยุดวิพากษ์ตนเอง หยุดปฏิเสธตัวเอง วางตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบลง อีกตัวตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ก็จะปรากฏตัวอย่างสง่างามในการคบหาสมาคม
แล้วเราจะพบว่า บางครั้ง ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ หรือ ปล่อยไก่นิดๆ หน่อยๆ ของเรานั้น ก็อาจจะเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเราก็ได้ค่ะ