หนุ่มสาววัยมหาลัยและคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย มักเคยชินกับการทำงานตอนดึกๆ หามรุ่งหามค่ำ เพราะเหตุผลที่ว่า ตอนกลางคืนเป็นเวลาที่เงียบสงบ ทำให้มีสมาธิสมองลื่นไหลกว่าตอนกลางวันเป็นไหนๆ คิดอะไรก็คิดออกได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนื่อยแถมไม่ง่วงอีกด้วย แต่รู้ไหมว่า การทำงานตอนกลางคืนโดยไม่หลับไม่นอน ทำให้ชีวิตตอนกลางวันของคุณ “พัง” ถึงคุณจะได้งาน ได้เงิน แต่ระวังเถอะ จะได้ “โรค” แถมไปด้วย การร่าเริงตอนกลางคืนแบบนี้ อาจทำให้ร่างกายของคุณก่อ “โรคร่าเริง” ขึ้นมาได้
โรคร่าเริง คือ โรคที่เกิดกับพฤติกรรมของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ที่ผิดธรรมชาติ เช่น ทำงานกลางคืน กลางวันง่วงนอน ส่งผลต่อการทำงานของระบบภายในร่างกาย อันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา ทำให้ฮอร์โมนผิดเพี้ยน เพราะวงจรชีวิตที่ผิดไปจากปกติ
พฤติกรรมเสี่ยงของคนที่จะเป็นโรคร่าเริง
1. นอนดึกเกินไป
สำหรับใครที่ชอบนอนดึกๆ หรือนอนเกือบเช้าต้องระวังเอาไว้เลย!! เพราะสมองของคนเรานั้นจะถูกกระตุ้นด้วยแสงสีฟ้าที่ถูกส่งออกมาจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสงสีฟ้าเหล่านั้นจะเป็นตัวกรตุ้นทำให้ประสาทมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
2. ตื่นสาย
การที่เรานอนดึกก็ย่อมทำให้ตื่นสายอยู่แล้ว พอตื่นสายก็ต้องรีบไปเรียนหรือไปทำงาน ถ้าวันไหนสายมากๆ ก็ต้องอดกินข้าวเช้า ซึ่งนี้เป็นสาเหตุทำให้เราอาจจะมีอาการปวดท้องเป็นโรคกระเพาะได้ ทำให้ระบบการทำงานในร่ายกายแปรปรวนได้
3. ง่วงในเวลากลางวัน
เมื่อนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงเวลากกลางคืน ก็จะมาง่วงนอนในตอนกลางวัน ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อคุณแน่ การนอนหลับในชั้นเรียนนอกจากจะเป็นการเสียมารยาท ส่วนใครทำงานแล้วยิ่งหนักไปกันใหญ่ เพราะถ้าหากเจ้านายของคุณรู้ว่าคุณแอบอู้ในเวลางาน อาจจะโดนหักเงินเดือน หรือที่หนักไปกว่านั้น คือไล่ออก
4. มีสมาธิในช่วงกลางคืน
ถ้าคุณเป็นโรคร่าเริง แน่นอนว่าในช่วงกลางคืนคุณจะมีสมาธิดีกว่าปกติ จะอ่านหนังสือ ทำงานเอกสารต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพสูง ถึงแม้จะมีผลดีต่องานแต่ว่าส่งผลเสียต่อสมองในระยะยาว ดยทั่วไปเราควรนอนหลับในช่วง 22.00-6.00 น. ทั้งนี้ในเวลาดังกล่าว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมาเพิ่มเผาพลาญอาหารและซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถ้าไม่นอนในเวลาดังกล่าว มีสิทธิ์ที่จะเป็นโรคอ้วนแถมมาด้วยอีกหนึ่งอย่าง อีกทั้งร่างกายจะอ่อนเพลียกว่าปกติด้วย
อาการของโรคร่าเริง
1. รู้สึกอ่อนเพลียในเวลากลางวันอยู่เป็นประจำ
2. มีอารมณ์ที่หงุดหงิดง่าย
3. ไม่สมาธิในการเรียนหนังสือ หรือทำงานเลย (ในช่วงเวลากลางวัน)
4. ในเวลากลางคืน รู้สึกไม่ง่วงเลย มีสมาธิในการอ่านหนังสือ ทำงานจนเกือบเช้าก็ไม่หลับเลย
ถ้าใครไม่อยากเป็นโรคร่าเริง แนะนำให้ปรับตารางเวลาการใช้ชีวิตใหม่อย่างสมดุล แต่ถ้านอนไม่หลับในช่วงเวลาดังกล่าวจริงๆ ก็ไม่ควรฝืนร่างกายโดยการรัยประทานยานอนหลับ แต่ควรออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือเย็น แล้วอาบน้ำนอน วิธีการนี้จะทำให้ร่างกายนอนหลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การไม่เล่นคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิส์ที่ผลิตแสงสีฟ้าอาจช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกเล็กน้อย และไม่ควรดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหลังเวลา 15.00 น. ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดคาเฟอีนออกไปทางปัสสาวะให้หมดก่อน จึงจะนอนหลับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ