เราทั้งหลายต่างเกิดมาแล้วอยากมีความสุข
แต่ในเมื่อทุกคนบนโลกมีความแตกต่างกัน
เราจึงไม่อาจมีความสุขที่เหมือนกันได้
ความสุขจึงมีหลายรูปแบบ หลายระดับ จะมาก จะน้อย
ก็แล้วแต่ความพึงพอใจส่วนบุคคลไป
ไม่มีเครื่องหมายใดมาวัดได้ว่าใครดีกว่าใคร
แต่ที่เป็นที่สังเกตได้ว่า คนไหนมีความสุข
เรามักจะเห็นความโดดเด่นในตัวเขาเป็นพิเศษในทางดี
ไม่ว่าจะการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง การพูดจา หรือการใช้ชีวิต
แต่ถ้าจะดูให้ลึกไปกว่านั้น
ลองสังเกตดูว่าพวกเขามีคุณสมบัติใน 7 ข้อต่อไปนี้หรือไม่
เพราะนี่คือสัญญาณว่าพวกเขามีความสุขอย่างแท้จริงจากการเห็นค่าของตัวเองเป็นพื้นฐาน
1. มองเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเอง
ความสุขที่ง่ายที่สุดมักเริ่มต้นที่ตัวเราเสมอ เพราะตัวเรารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ต้องการอะไร ซึ่งมันง่ายกว่าการไปคาดหวังและรอคอยว่าจะได้รับจากคนอื่น คนที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดมักจะยิ้มให้กับตัวเองก่อนแล้วค่อยยิ้มให้กับคนรอบข้าง ต่อให้อยู่ในภาวะโชคร้ายขีดสุดก็กลับมองว่ามันมีความหมายอะไรบางอย่างต่อชีวิตแน่นอน โชคชะตาถึงได้ดลบันดาลให้มาพบเจออะไรที่หลากหลายมากกว่าความสุขธรรมดา นี่จึงเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่าทำไมคนที่พิการเขาถึงไม่ฆ่าตัวตาย หรือคนที่เป็นโรคร้ายทำไมถึงมีอายุยืน
2. เติมเต็มชีวิตให้ตัวเองเสมอ
คนที่มีความสุขจะไม่โฟกัสว่าการที่ตัวเขาขาดอะไรไปคือข้อด้อย เขาจะทำข้อด้อยให้มันเด่น และหาข้อเด่นด้านอื่นมาเติมเต็มให้ตัวเองได้เองโดยที่ไม่ต้องรอหรือร้องขอคนอื่น เพราะเขารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร และทำอย่างไรจึงจะได้มันมา จึงไม่แปลกเช่นกันหากจะเห็นว่าคนมีความสุขมักจะอยู่ไม่นิ่ง ชอบหาโปรเจคโน่นนี่มาให้ตัวเองดูกระฉับกระเฉง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับเด็กๆ หรือคนหนุ่มสาวที่ไม่ยอมแก่ง่ายๆ
3. ชอบที่จะเป็นผู้ให้
เพราะเห็นค่าในชีวิตของตัวเอง และรู้ดีว่าเจ็บคืออะไร หิวคืออะไร จึงไม่แปลกที่จะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้ดี การเป็นผู้ให้จึงเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของคนที่มีความสุขได้อย่างไม่น่าสงสัย เพราะเขาสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มจากคนรับมันมีความหมายที่ซึ้งใจดีแค่ไหน อย่างน้อยการได้ทำให้คนหนึ่งดีขึ้น แม้จะไม่ดีที่สุด มันก็คือหน้าที่ที่ดีที่สุดในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่พึงทำบนโลกนี้
4. ชอบมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ
เพราะเห็นค่าในชีวิตตัวเองว่ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก โลกใบนี้ของคนที่มีความสุขจึงเหมือนสนามเด็กเล่นใบใหญ่ที่น่ากระโจนหาเข้าทุกซอกทุกมุม แม้จะหลงทางบ้าง เสียรู้บ้าง มันก็เป็นการเรียนรู้ที่สนุกกว่าการอยู่นิ่งๆ ในกรอบสี่เหลี่ยมที่ไม่รู้อะไรเลยและปรับเข้าหาใครไม่ได้เลย
5. ไม่ปล่อยให้แต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ความหมาย
ชีวิตไม่ได้ดิ้นรนแต่เพียงว่าต้องกินอิ่มนอนหลับสบายในแต่ละวัน แต่ยังหมายถึงการอยู่รอดในสังคมอย่างมีความสงบสุขด้วย ฉะนั้นแล้ว ในแต่ละวันของคนที่เห็นคุณค่าของชีวิตดีก็จะเป็นวันที่เต็มไปด้วยโอกาสที่มีความหมาย แม้แต่นอนป่วยก็ยังมองเห็นค่าของลมหายใจตัวเองว่าดีแค่ไหนแล้วที่ร่างกายได้พักผ่อน และมันทรมานแค่ไหนที่อยากทำอะไรมากมายแต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย ? พูดง่ายๆ คือ พวกเขามองโลกในแง่ดีเสมอสำหรับแต่ละวันที่จะผ่านไป
6. มองหาแรงบันดาลใจเสมอ
เพราะประเมินได้ว่าตัวเองยังต้องการการพัฒนาอีกเรื่อยๆ คนที่เห็นคุณค่าในตัวเองจึงต้องการคุณค่าของคนอื่นหรือสิ่งอื่นมาช่วยเติมเต็มให้ด้วย ในขณะที่เรามีบางสิ่งอยู่ คนอื่นอาจกำลังขาด และในขณะที่เรากำลังขาด คนอื่นก็อาจมี พวกเขามีความสุขพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอะไรก็ตามที่เข้ามาอยู่เสมอเพื่อเติมเต็มให้กันและกัน
7. เรียนรู้ถึงพลังของแรงดึงดูดที่ดี
คนที่มีความสุขเพราะเห็นคุณค่าในตัวเอง นอกจากจะเป็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองแล้ว ยังเป็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมทุกสิ่งได้เพราะรู้จักถึงพลังในสิ่งนั้นได้ และสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างดี เช่น พลังแห่งความฝัน พลังแห่งการคิดบวก พลังแห่งแรงจูงใจ เป็นต้น มันคือตัวกระตุ้นอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเรารู้จักใช้ชีวิตเป็น เพราะอย่างน้อยก็ตอบได้ว่า เราอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร (เพื่อความฝัน เพื่อความหวัง เพื่อใคร ฯลฯ)
เพราะชีวิตนี้เป็นของคุณ จงใช้ซะให้คุ้ม !