ไม่มีใครไม่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งนิยามของความสำเร็จในคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบค่าความสำเร็จที่คุณตั้งไว้กับใคร หรือแข่งกับใคร เพียงแค่พัฒนาตัวเอง ใส่ใจตัวเอง แข่งกับตัวเอง แต่ก็อย่าลืมความสุขด้วยนะ มาเช็คกันว่า คุณมี 9 นิสัยของคนแพ้ หรือไม่ เช็คตัวเอง แล้วมาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วยกันนะ
9 นิสัยของคนแพ้
โทษคนอื่น ในความผิดของตัวเอง
การโทษคนอื่นในความผิด หรือความล้มเหลวในชีวิตที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง เช่น คิดว่าตัวเองสอบตก เพราะอาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น และเป็นการหลอกตัวเองว่าตนเองไม่ผิด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะไม่โทษคนอื่นในความล้มเหลวต่างๆ จะไม่คิดว่าใครที่เป็นคนผิด แต่จะคิดว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ผิดพลาดซ้ำอีก
เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ
การเปรียบเทียบตัวคุณเองกับคนอื่น ไม่ว่าคนที่คุณตั้งไว้เป็นแบบอย่างจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมาก หรือน้อย แต่ทั้ง 2 ทาง ไม่ได้มีประโยชน์ต่อตัวคุณเลย ถ้าคุณเปรียบเทียบกับคนที่เก่งมากๆ คุณจะรู้สึกท้อ ถ้าคุณไปไม่ถึงจุดที่คนต้นแบบของคุณยืนอยู่เสียที เพราะในขณะที่ตัวคุณเองพยายามอยู่ คนที่ประสบความสำเร็จก็จะพยายามทำให้ตัวเขาประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก ถ้าคุณเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้เก่งกว่าคุณมาก เมื่อคุณไปยืนอยู่ที่จุดนั้นแล้ว คุณจะรู้สึกว่าคุณไม่ต้องพยายามอีกต่อไปแล้ว การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาตนเอง แต่ควรเปรียบเทียบกับตัวคุณเองจะดีกว่า และก็ไม่ผิดที่จะมีบุคคลต้นแบบ แต่ควรใช้เพื่อเป็นแนวทาง หรือแรงบันดาลใจ ไม่ใช่มาตราฐานที่คุณไว้ใช้วัดค่าความสำเร็จในชีวิตของคุณ เพราะไม่มีใครในโลกนี้ที่เหมือนกันทุกอย่าง แม้กระทั่งฝาแฝด
ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
เรียนภาษาเพิ่มเติม หารายได้เสริม หรือแม้กระทั่งการทำตามความฝันของตัวเอง ต้องการความพยายามเพื่อก้าวผ่านจุดๆ หนึ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุด นั่นก็คือการเชื่อว่าตัวคุณเองสามารถทำได้ ท่องไว้เสมอ สะกดจิตตัวเองว่า ฉันเก่ง ฉันทำได้ ฉันจะไปให้ถึงเป้าหมาย การเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้เป็นก้าวเล็กๆ ที่มีความหมาย แต่คนที่ล้มเหลว มักจะกลัวไปก่อน มักจะคิดว่าทำไม่ได้หรอก สุดท้ายก็ไม่ได้ลองทำ แล้วก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณมีศักยภาพหรือไม่
ล้มเลิกเป้าหมาย และความตั้งใจอย่างง่ายๆ
หลายๆ คนมักจะตั้งเป้าหมาย แต่ก็เปลี่ยน หรือล้มเลิกไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน บางรายล้มเลิกเพียงเพราะว่า เป้าหมายนั้นยากกว่าสิ่งที่เคยทำเป็นปกติเพียงนิดเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด การจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสียก่อน เป้าหมายที่ดีคือ ชัดเจน วัดผลได้ มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน และอิงหลักความเป็นจริง ซึ่งเป้าหมายที่คุณตั้งไว้จะเป็นตัวช่วยนำทางคุณไปสู่ความสำเร็จได้ แม้กระทั่งในวันที่คุณหลงทาง
สื่อสารไม่เป็น
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าคอนเนคชั่น หรือสังคมสำคัญต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการประกอบธุรกิจ ซึ่งการที่จะมีสังคม คุณจะต้องสื่อสารให้เป็นก่อน คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่พูดเก่ง คนพูดน้อยก็สามารถเป็นผู้สื่อสารที่ดีได้ ซึ่งก็คือ มีมารยาท สุภาพ พูดเข้าใจรู้เรื่อง และรักษาน้ำใจผู้อื่น
ผัดวันประกันพรุ่ง
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะผัดวันประกันพรุ่ง ผัดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็จะมีชีวิตที่น่าเบื่อ และไม่มีอะไรเลย คนที่ประสบความสำเร็จมักจะทำทุกวันให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องความสัมพันธ์กับคนรัก ครอบครัว หรือเพื่อน ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งแล้วล่ะก็ ลองทำทุกวันให้เหมือนกับไม่มีพรุ่งนี้ดูสิ ทำให้เต็มที่สักครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะรู้หลายเรื่อง แต่ก็เพียงผิวเผินเท่านั้น และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็น หรือความรู้ใหม่ๆ เชื่อว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าคุณไม่ผิดจริงๆ การฟังความคิดเห็นของคนอื่นก็ยังเป็นเรื่องที่ดี นอกจากจะได้รับมุมมองใหม่ๆ แล้ว ยังช่วยให้คุณเป็นคนที่น่าเข้าหาอีกด้วย
เห็นแก่ของถูก อะไรถูกก็ซื้อหมด
หลายๆ คนคงเป็นแบบนี้ คือการชอบของถูก ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ของถูกต้องสมกับคุณค่า และเงินที่เสียไปด้วย คนที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่ซื้อของจากเพียงแค่ราคาเท่านั้น แต่จะซื้อโดยการเปรียบเทียบคุณค่า และคุณประโยชน์กับจำนวนเงินที่ต้องเสียไป การซื้อของถูกมา แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้ใช้ หรือใช้เดี๋ยวเดียวก็พัง เหมือนกับเอาเงินไปทิ้งเล่นๆ เท่านั้นเอง
อิจฉาคนอื่น
คนที่มัวแต่อิจฉาคนอื่นมักจะไม่มีความสุขในชีวิต เพราะมัวแต่มองหาข้อเสียของคนอื่นๆ ความคิดมีแต่ด้านลบ และสุดท้ายก็เสียตัวตนของตัวคุณเองไป อีกทั้งยังประสบความสำเร็จได้ยากอีกด้วย เพราะคนที่อิจฉาคนอื่น มักจะไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เพียงแค่อคติในใจเท่านั้นเอง และอคติที่ว่านี้ไม่ได้ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเอง คุณคิดดูสิว่าคนที่มัวแต่มองหาสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่น แต่ไม่ได้มองหาข้อไม่ดีของตัวเอง สุดท้ายแล้วจะลงเอยเช่นไร