ในช่วงฤดูฝน ฝนตก ถนนลื่น ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเดินทางมากยิ่งขึ้นเราจึงขอมาแนะนำเทคนิคขับรถฝ่าฝนตกอย่างปลอดภัย ให้เพื่อนๆ ได้เดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพกันค่ะ ส่วนเทคนิคง่ายๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยค่ะ
1.เช็กระดับความแรงของฝน
ก่อนจะขับรถออกจากจุดเริ่มต้นนั้น ให้ลองสังเกตฟ้าฝนและแรงลมดูก่อนว่า ฝนตกหนักเท่าใดและลมแรงขนาดไหน เพื่อนๆ สามารถแบ่งความแรงของฝนออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ ได้ ดังนี้
– ฝนพรำ ฝนเม็ดเล็ก ตกนาน
หากเป็นฝนพรำ ฝนมักจะตกเอื่อยๆ เป็นเวลานาน พื้นถนนจึงมีความลื่นมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้ขับรถประเภทอื่นๆ จึงควรเว้นลดความเร็วในการขับขี่ เว้นระยะห่างเวลาขับขี่ให้มากขึ้น เพื่อให้มีระยะเบรกกว้างกว่าเดิม ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ
– ฝนตกหนัก ฝนเม็ดใหญ่ ไม่มีลมแรง
ถ้าฝนตกหนัก จะมีน้ำท่วมขังบริเวณหลุมบ่อบนพื้นถนน และมีน้ำรอระบายบริเวณท่อระบายน้ำมากเป็นพิเศษ ต้องระวังน้ำจากจุดดังกล่าว รวมถึงน้ำกระเด็นจากรถคันข้างๆ หรือรถที่ขับสวนทางมาเช่นกัน จึงไม่ควรขับรถเร็ว และต้องไม่ลืมเปิดการทำงานของปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง เพื่อไม่ให้ฝ้าบดบังวิสัยทัศน์ในการขับขี่ด้วย
– ฝนตกหนักมาก มีลมแรง ฝนเม็ดใหญ่ มีลมกรรโชกแรง
ในกรณีที่ฝนตกหนัก เกิดพายุฝนลมแรง ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่าเดิมสองเท่า เพราะลมที่มีความแรงมาก อาจทำให้รถโคลงเคลงขณะขับ หรือพัดพาเอากิ่งไม้ เศษขยะ ป้ายข้างทาง หรือวัตถุต่างๆ ปลิวมาโดนรถได้ สังเกตดูก่อนขับรถว่าลมกรรโชกแรงขนาดไหน ถ้าแรงมาก ควรจอดรถรอให้ฝนซาก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ
2.สังเกตระดับน้ำ
ในกรณีที่ต้องขับรถฝ่าน้ำท่วมขัง ให้สังเกตระดับน้ำจากพื้นดินถึงตัวรถว่าระดับน้ำสูงเท่าใด
– ถ้าเป็นรถเก๋ง ให้หลีกเลี่ยงการขับรถ หากระดับน้ำสูงกว่า 25 ซม.
– ถ้าเป็นรถกระบะ ให้หลีกเลี่ยงการขับรถ หากระดับน้ำสูงกว่า 40 ซม.
3.เปิดที่ปัดน้ำฝน เปิดปุ่มไล่ฝ้า
ก่อนขับรถ นอกจากการสำรวจดูแลเครื่องยนต์แล้ว ยังควรดูแลยางที่ก้านปัดน้ำฝนเป็นประจำ โดยการกวาดน้ำออกจากกระจกหน้ารถ และเช็ดยางที่ก้านน้ำฝนให้สะอาด เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน เมื่อฝนเริ่มตก สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับแรกคือเปิดที่ปัดน้ำฝนระดับกลาง ถ้าก้านปัดน้ำฝนเริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดควรเปลี่ยนยางที่ก้านปัดน้ำฝนด้วย นอกจากนี้ต้องไม่ลืดกดเปิดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง เพื่อลดฝ้าเกาะกระจกด้วย
4.ลดความเร็ว ไม่เร่งเครื่อง ใช้เกียร์ต่ำ
เมื่อฝนตก ควรลดความเร็วในการขับขี่ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มระยะเบรก รวมถึงไม่เร่งเครื่องโดยไม่จำเป็น การเร่งเครื่องทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นพัดลมระบายอากาศของเครื่องยนต์ อาจส่งผลให้เข้าห้องเครื่องยนต์ได้ และควรขับด้วยเกียร์ต่ำ รถเกียร์ธรรมดาควรใช้ 1 – 2 ถ้าเป็นรถเกียร์ออโต้ใช้ L หรือ 2
5.ไม่เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
หลายๆ คนเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินขณะขับรถฝ่าฝนตก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ตนเองและผู้ใช้ถนนท่านอื่นๆ แต่การเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำให้คนอื่นเข้าใจว่ารถของคุณเสีย มากกว่าจะเข้าใจว่าคุณต้องการขับขี่รถอย่างปลอดภัย ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เปิดไฟหน้ารถก็เพียงพอแล้ว